เศรษฐกิจ 21 ก. พ. 2565 เวลา 8:06 น. 3. 8k สศช. แถลงจีดีพีไตรมาส 4/2564 ขยายตัว 1. 9% ทั้งปี 64 จีดีพีขยายตัว 1. 6% ดีกว่าคาดการณ์เดิมที่คาดไว้เดิมที่ 1. 2% "ดนุชา" ระบุเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวได้ดี รอการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว คาดปี 65 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 3. 5 - 4. 5% วันนี้ (21 ก. ) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ( สศช. ) แถลง ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ( จีดีพี) ไตรมาสที่ 4/2564 และแนวโน้มปี 2565 ทั้งปี โดย จีดีพีไตรมาสที่ 4 /2564 ขยายตัว 1. 9% โดยได้อานิสงค์จากการท่องเที่ยว การขนส่งการค้า และการเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้นทำให้การบริโภคเอกชนเพิ่มขึ้น และการส่งออกที่ดีขึ้น ส่งผลให้ในปี 2564 จีดีพีทั้งปีขยายตัวได้ 1. 6% ซึ่งดีกว่าการคาดการณ์ว่าทั้งปีจะขยายตัวได้ 1. 2% "เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวได้ดี แลัวแต่โครงสร้างเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวได้อีกมาก แต่การท่องเที่ยวยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ หากการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ในระดับที่ดีเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวเพิ่มขึ้น" นายดนุชา กล่าว สำหรับ เศรษฐกิจในปี 2565 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3. 5% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในด้านต่างๆเมื่อการระบาดของโควิดลดลง อย่างไรก็ตามต้องไม่มีปัจจัยเสี่ยงเพิ่มเรื่องไวรัสกลายพันธุ์ที่ทำให้การเจ็บป่วยมีความรุนแรง ทำให้ไทยสามารถใช้มาตรการ Test and Go ต่อไปได้ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในปี 2565 ได้มากขึ้น คาดว่าการท่องเที่ยวจะค่อยๆฟื้นตัว นักท่องเที่ยวจะเข้ามาได้ประมาณ 5.
GDP ไทย ไตรมาส 4 หดตัว 4. 2% GDP ปี 2563 หดตัว 6. 1% - GreedisGoods GreedisGoods มีการเก็บ Cookies เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่ดียิ่งขึ้น หากท่านใช้เว็บไซต์ต่อไปโดยไม่ปรับตั้งค่าเราเข้าใจว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้ ยินยอม ดูรายละเอียด
ชญาวดี กล่าว นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ธปท.
0% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ 4. 5 – 5. 5%) ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 1. 9% (ช่วงคาดการณ์ที่ 1. 4 – 2. 4%) และยังอยู่ภายในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่รัฐบาล และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท. ) ร่วมกันกำหนดที่ระดับ 1. 0 – 3.
9% ภายในปี 2573 ซึ่งแม้เป็นรองญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ แต่สูงสุดเมื่อเทียบในกลุ่มอาเซียน ขณะเดียวกันการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าเติบโตดีขึ้นเป็น 4.
6% ลดลงจาก 2. 3% ในไตรมาสก่อนหน้า และเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2563 ประกอบกับแรงสนับสนุนจากการดำเนินมาตรการส่งเสริมและกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศของภาครัฐ ขณะเดียวกัน การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องในเกณฑ์ดีตามการขยายตัวของภาคการผลิตและการส่งออก ประกอบกับแรงขับเคลื่อนจากความคืบหน้าของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของการขอรับและการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนในช่วงปี 2562 -2564 2. การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการดำเนินมาตรการเปิดประเทศโดยอนุญาตให้ชาวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบแล้วจากทุกประเทศสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องเข้ารับการกักตัวผ่านมาตรการ Test and Go ซึ่งเริ่มดำเนินการในวันที่1 พ. ย. 2564 ส่งผลให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงพ. และธ. ค. 2564 รวม 321, 752 คน และต่อมาภายหลังจากการกลับมาดำเนินมาตรการอีกครั้งนับตั้งแต่วันที่ 1 ก. 2565 เป็นต้นมา ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในช่วงวันที่ 1-9 ก. 2565 รวม 48, 181 คน และในระหว่างวันที่ 1 ม.
5% (เดิมคาด 15. 0%) สำหรับปี 2565 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตต่อเนื่องที่ 3. 7% (เดิมคาด 3. 0%) และมีแนวโน้มที่ GDP จะกลับมาอยู่ในระดับก่อนเกิดการระบาดได้ในช่วงครึ่งหลังของปี แรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญมาจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มปรับดีขึ้นแต่การฟื้นตัวยังมีความแตกต่าง คาดว่าในปี 2565 จะเติบโตราว 3. 6% จากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ ตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุม การฉีดวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้น และมาตรการภาครัฐที่อาจเป็นปัจจัยหนุนในระยะสั้นอยู่บ้าง แต่การใช้จ่ายอาจขยายตัวได้จำกัดเนื่องจากยังมีความเปราะบางในตลาดแรงงาน และคาดว่าค่าจ้างเฉลี่ยโดยรวมในปี 2565 จะเพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ต่ำกว่าระดับก่อนเกิดการระบาด นอกจากนี้ การฟื้นตัวที่ยังไม่กระจายไปในทุกพื้นที่ ทุกกลุ่มรายได้ และทุกสาขา จะส่งผลต่อค่าจ้างและการใช้จ่ายของแรงงานในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักจากวิกฤตการระบาด โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภาคท่องเที่ยวเป็นสำคัญ ด้านภาคส่งออกแม้จะชะลอลงบ้างแต่คาดว่ายังเติบโตได้ 5. 0% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาที่ขยายตัว 2. 9% แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังจากมีการฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางมากขึ้น กอปรกับผลบวกจากการรวมกลุ่มระหว่างประเทศภายในภูมิภาคเดียวกัน (Regionalization) โดยเฉพาะ RCEP ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ต้นปี 2565 น่าจะมีส่วนเสริมภาคการค้าในระยะถัดไป จากผลการศึกษาของ ADB ประเมินว่า RCEP จะช่วยหนุนให้มูลค่าส่งออกของไทยเพิ่มขึ้น 4.
2% ส่วนการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 3. 7% ขณะที่มูลค่าการส่งออกคาดว่าจะขยายตัวได้ถึง 19% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ประเทศคู่ค้า และ ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ( Supply Disruption) ที่ทยอยคลี่คลายลง สำหรับ เศรษฐกิจไทยในปี 2565 กระทรวงการคลัง คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเร่งขึ้นมาอยู่ในช่วง 4% ต่อปี (มีช่วงคาดการณ์ที่ 3. 5-4. 5%) โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายในประเทศที่ขยายตัวหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) เริ่มมีผลกระทบในวงจำกัด โดยคาดว่าการบริโภคภาคเอกชนในปีนี้จะขยายตัวที่ 4. 5% ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวจะกลับมาขยายตัวได้หลังจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศผ่านระบบ Test & Go อีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป โดยคาดว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 7 ล้านคน ด้านการส่งออกสินค้าคาดว่าจะขยายตัวที่ 3. 6% ตามอุปสงค์โลกที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมองว่าการดำเนินนโยบายของภาครัฐจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ เนื่องจากภาครัฐจะมีการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วงเงิน 3. 1 ล้านล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจวงเงิน 3.
Epson L3150 สี เพี้ยน, 2024