กระทรวงสาธารณสุข คาดการณ์ว่าจะมีผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นหลังเทศกาลสงกรานต์ จึงได้สั่งการให้สถานพยาบาลทุกแห่ง ทุกเครือข่าย เพิ่มเตียงระดับ 2 และ 3 ผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองและสีแดงที่มีอาการรุนแรง และให้บริการจัดการเตียงไม่กระทบผู้ป่วยกลุ่มโรคอื่น ๆ สำหรับสถานการณ์เตียงผู้ป่วยโควิด 19 ใน 10 จังหวัดที่มีการติดเชื้อสูง วันนี้ (9 เม. ย. ) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับประเด็นเรื่องสธ. มีคำสั่งให้รพ.
เผยแพร่ครั้งแรก 8 มี. ค. 2019 อัปเดตล่าสุด 17 พ. ย.
3 แม้ผลการศึกษาแบบ RCT ของยา omeprazole และ esomeprazole ไม่พบว่ายาทั้งสองเพิ่มโอกาสเกิด MACE เมื่อให้ยาร่วมกันนาน 6 เดือน แต่เนื่องจากการศึกษาทั้งสองมีข้อจำกัดหลายประการ จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่า omeprazole และ esomeprazole ไม่เพิ่มโอกาสเกิด MACE เมื่อให้ร่วมกับ clopidogrel 11. กรณีที่เห็นควรให้มีการใช้ยา PPIs อื่นนอกบัญชียาหลักเห่งชาติ เสนอให้มีการใช้ยา pantoprazole โดยควรควบคุมให้มีการเบิกจ่ายยาเฉพาะในกรณีต่อไปนี้ 11. 1 ผู้ที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดที่ได้รับยา clopidogrel ร่วมกับ aspirin หรือ 11.
6 โดยเตียงระดับ 3 สีแดงผู้ป่วยวิกฤตต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ยังมีเตียงว่างมีอัตราครองเตียงอยู่ที่ร้อยละ 32. 67 ส่วนเตียงในภูมิภาค 3 จังหวัดที่สถานการณ์เตียงค่อนข้างตึง เช่น เตียงในโรงพยาบาล พื้นที่จังหวัดสงขลา ที่เตียงระดับ 3 สีแดงสำหรับผู้ป่วยวิกฤตมีอัตราครองเตียงใกล้เต็มอยู่ที่ร้อยละ 92. 31 ส่วนเตียงระดับ2 สีเหลืองถึงสีส้ม มีอัตราครองเตียงเฉลี่ยเกินร้อยละ 60 ส่วน จังหวัดชลบุรี อัตราครองเตียง ทุกกลุ่มอยู่ที่ร้อยละ 96. 3 โดยเตียงระดับ 2 กลุ่มผู้ป่วยสีเขียวมีอัตราครองเตียงเกินร้อยละ 100 แล้ว ขณะที่จังหวัดราชบุรี อัตราครองเตียงรวมทุกประเภท อยู่ที่ร้อยละ 105. 51 โดยเฉพาะในกลุ่มเตียง ระดับ 1 อยู่ที่ร้อยละ 112. 18 ส่วนเตียงระดับ 3 สีแดงผู้ป่วยวิกฤตก็ใกล้เต็มแล้วอยู่ที่ร้อยละ 73. 68 ซึ่งหากโรงพยาบาลไหนเตียงเต็ม ต้องประสานส่งต่อผู้ป่วยไปยังเครือข่าย ขณะที่กลุ่มเด็กเล็กที่พบการเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น เบื้องต้นอยากจะให้โรงพยาบาลรับผู้ป่วยทุกรายไว้ก่อนเพื่อประเมินอาการ เนื่องจากกลุ่มเด็กเล็กอาการค่อนข้างเปลี่ยนเร็วเพื่อให้เด็กปลอดภัย ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ หรือโทร 0-2590-6000 หน่วยงานที่ตรวจสอบ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
บทคัดย่อ ปัจจุบันยากลุ่ม Proton pump inhibitors (PPIs) ที่ได้รับการจัดให้อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ฉบับปี พ. ศ. 2555 ได้แก่ ยา omeprazole รูปแบบรับประทาน ซึ่งได้รับการจัดให้อยู่บัญชีประเภท ก. ส่วนยาฉีด omeprazole และยาฉีด pantoprazole ได้รับการจัดให้อยู่ในบัญชีประเภท ข. และ ค.
ยาในกลุ่ม PPIs มีค่าทางเภสัชจลนศาสตร์และเภสัชพลศาสตร์คล้ายคลึงกัน 2 ผลการยับยั้งการหลั่งกรดของยาในกลุ่ม PPIs แปรผันตามขนาดยาที่ผู้ป่วยได้รับ 3. ในขนาดยาที่เท่ากันมีหลักฐานว่า rabeprazole สามารถยับยั้งการหลั่งกรดได้มากที่สุด รองลงมา คือ esomeprazole ซึ่งเป็น S-enantiomer ของ omeprazole ตามด้วย omeprazole ส่วนยา lansoprazole และ pantoprazole สามารถยับยั้งการหลั่งกรดได้น้อยกว่ายา omeprazole 4. เมื่อพิจารณาค่า IC50 ของยากลุ่ม PPIs ต่อเอนไซม์ CYP2C19 เป็นไปได้ว่า pantoprazole และ rabeprazole ในขนาดรักษาไม่มีผลยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ CYP2C19 5. ประสิทธิผลของยา omeprazole เปรียบกับยา PPIs ชนิดอื่น 5. 1 ขนาดในการรักษาของยา omeprazole พบว่ายามีประสิทธิภาพในการยับยั้งการหลั่งกรดได้เทียบเท่ากับยาในกลุ่ม PPIs อื่น และขนาดยาที่สูงขึ้นจะช่วยให้ผู้ป่วยควบคุม intragastric pH ได้ดีขึ้น 5. 2 ไม่มีข้อมูลว่า omeprazole มีประสิทธิภาพต่างจากยา PPIs ชนิดอื่นในการรักษา peptic ulcer, gastroesophageal reflux disease (GERD) และ non-erosive reflux disease (NERD) อีกทั้งในการป้องกัน stress-related mucosal damage, non-steroid antiinflammatory drug (NSAID) associated gastrointestinal ulcer และ antiplatelet-associated gastrointestinal bleeding 6.
ยาในกลุ่ม PPIs มีประสิทธิภาพไม่ต่างกับ histamine-2 receptor antagonists (H2RAs) ในการบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อยในผู้ป่วย functional dyspepsia 7. มีหลักฐานว่าผู้ที่ได้รับยากลุ่ม PPIs อย่างต่อเนื่องมีความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหัก และอาจเพิ่มโอกาสเกิดการติดเชื้อ Clostridium difficile และโรคปอดอักเสบ 8. PPIs-induced hypomagnesemia ยังไม่ทราบกลไกที่แน่ชัด และมีรายงานกรณีศึกษาที่คาดว่าอาจเกิดได้กับยากลุ่ม PPIs ทุกชนิด 9. PPIs สามารถใช้ได้ในหญิงตั้งครรภ์โดยไม่เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดทารกวิรูป 10. ปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาที่มีคุณภาพที่ดีเพียงพอสำหรับตอบคำถามเรื่อง การเกิดปฏิกิริยาระหว่าง clopidogrel และยากลุ่ม PPIs 10. 1 Non-Randomized controlled trial (RCT) study ชี้ว่า การให้ clopidogrel ร่วมกับยากลุ่ม PPIs ทุกชนิดเพิ่มโอกาสเกิด major cardiovascular event (MACE) เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ได้รับ clopidogrel เดี่ยวๆ แต่การวิเคราะห์พบ heterogeneity แสดงถึงการยังไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันของข้อมูล 10. 2 ผู้ที่ได้รับ clopidogrel ร่วมกับ pantoprazole มีแนวโน้มที่เกิด MACE ได้น้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการให้ร่วมกับ omeprazole 10.
Epson L3150 สี เพี้ยน, 2024