"ก็เป็นเหตุผลที่น่าฟังเอาเถอะยังมีเวลาเหลือพอที่เราจะได้ดูกันต่อไป แต่นั่นอะไรอีกตาเกิ้น? " ขณะนั้นกะเหรี่ยงชรากำลังหันหน้าไปทางทิวเขาเบื้องหลังเมืองร้างซึ่งปกคลุมไปด้วยป่าไม้และเถาวัลย์ออกไปสีหน้าของแกเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ใจและตอบโดยไม่หันหน้ามาเลยว่า "ตาเกิ้นยังบอกไม่ถูกเลยนายเสียงมันเหมือนน้ำป่าหรือฟ้าร้องแต่ฟัง ๆ ไปก็ไม่ใช่จะว่าแผ่นดินไหวก็ไม่เชิง ฟังซินาย... ฟัง! " ทุกคนหันมองไปทางทิศเดียวกันกับแกและเงี่ยหูฟัง ชั้นแรกก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรต่อมาสักครู่จึงแว่วเสียงนั้น ชั่วขณะหนึ่งมันเหมือนกับเสียงคลื่นในทะเลที่ดังมาแต่ไกลแต่ชั่วขณะต่อไปก็เหมือนกับเสียงฝนทรายที่ตกต้องใบไม้แห้งซู่ซ่าและกรอบแกรบระคนปนกันไป ดิเรกคว้ากล้องส่องทางไกลกราดไปตามทิวเขานั้น สักครู่ก็สะดุ้งทั้งตัวส่งกล้องให้ข้าพเจ้าดูพลางกระซิบเกือบไม่มีเสียงว่า "ดู คุณศักดิ์ทิวเขาเหล่านั้นกำลังทลายลงมาทางเราหรือว่าตาของผมฝาดไป? " เผชิญทัพหนู ยิงปลา ข้าพเจ้ายกกล้องส่องทางไกลเพ่งไปทางทิศเดียวกันกับที่ดิเรกกำลังมองดูอยู่ชั่วครู่หนึ่งเต็ม ๆ ไม่สามารถจะบอกได้ว่าอะไรแน่ที่ปรากฏอยู่แก่สายตาในเวลานั้น ขณะหนึ่งทิวเขาอันเขียวชอุ่มอยู่เบื้องหลังเมืองร้างโบราณออกไปดูเหมือนจะทลายลงมาอย่างที่ดิเรกบอกแต่ขณะต่อไปก็ดูราวกับว่ามันเคลื่อนไหวได้ต่อพิจารณาด้วยความพินิจพิเคราะห์อยู่อึดใจใหญ่ ๆ จึงแน่ใจว่าภาพเหล่านั้นเกิดจากทิวไม้ส่วนหนึ่งหักโค่นระเนระนาดราบเป็นทางมาและข้าพเจ้าก็บอกดิเรกไปตามนั้น ดิเรกได้ฟังก็สั่นศีรษะอย่างสงสัยและอัศจรรย์ใจ "ถ้าเช่นนั้นอะไรทำให้มันหักมันโค่น คุณศักดิ์? "
ตาเกิ้น "พ่อเฒ่าว่าเมื่อพ่อเฒ่ามากับพ่อของพ่อเฒ่ามะไฟกะมะปริงลูกโตกว่านี้ ดอกทานตะวันป่าที่เห็นก็ใหญ่กว่าหลายเท่า" เกมสล็อตออนไลน์ ข้าพเจ้ารู้ดีว่าเรื่องที่แกสนทนากันสำคัญกว่านั้นจึงคะยั้นคะยอซักตาเกิ้นต่อไป "นอกจากมะปริง มะไฟ กับดอกทานตะวันป่า พ่อเฒ่าว่าอะไรอีก ตาเกิ้น? " สีหน้าและน้ำเสียงของตาเกิ้นเต็มไปด้วยความอึดอัดขณะที่แกตอบว่า "พ่อเฒ่าว่าเหลือระยะทางอีกวันเดียวก็จะถึงหมู่บ้านพวกเซียมิบนยอดดอยลึกลับโน่นแต่ยิ่งใกล้เข้าไปพ่อเฒ่ายิ่งไม่สบายใจ" "เพราะอะไร? " "เพราะเมื่อไปถึงแล้ว พวกเซียมิคงจะเอาตัวแหม่มไว้เป็นนางพญาของเขาต่อไป ไม่ยอมให้กลับแน่ ทีนี้พวกเราจะทำอย่างไร? " เกมสล็อตออนไลน์ ข้าพเจ้าได้ฟังก็หัวเราะ "ถ้าเป็นความเต็มใจของแหม่มไมราที่จะเป็นนางพญาพวกคนป่าอยู่ที่นี่และหมอสมิทยินดีด้วยถึงอย่างไรเราก็คงหาทางกลับกันเองจนได้ แต่เรื่องนั้นเอาไว้คิดกันเมื่อไปถึงบ้านเมืองพวกเซียมิแล้วดีกว่า" ตาเกิ้น "พ่อเฒ่าว่าอีกว่าพวกอะสะลูที่แหม่มปล่อยไปนั่นแหละจะพาพวกจิรีติดตามไปรังควานเราถึงที่โน่น" ข้าพเจ้า "นั่นก็เป็นปัญหาเอาไว้คิดแก้ไขกันเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว มีอะไรอีกที่พ่อเฒ่าข้องใจ? " ตาเกิ้น "พ่อเฒ่าว่า งั้นเมื่อไรเราจะกินข้าวกัน? "
Far out! Far more! " จากเรื่อง On Her Majesty's Secret Service (1969) พร้อมลูกเล่นที่เมื่อเข็มนาฬิกาบอกเวลา 7 mm88th นาฬิกาจะปรากฎโลโก้ 007 บนหน้าต่างวันที่ ต่อกันที่ MOONRAKER 1979 เรือนเวลาที่ใช้ชื่อเดียวกับกระสวยอวกาศที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องที่ 16 อย่าง Moonraker (1979) นี้ มีดีไซน์ลวดลายยานอวกาศ Moonraker บนหน้าปัดรับกับสายนาฬิกาสีน้ำเงินเข้มเหมือนกับท้องฟ้ายามค่ำคืนต่อด้วย
สมิท ข้าพเจ้าออกวิ่งนำหน้าพาตาเกิ้นกระโดดข้ามก้อนหินและขอนไม้ไปยังเชิงเขาตรงนั้น ก็พอดี ดร. สมิทลงมาถึงปากทางขึ้นยืนพิงก้อนหินหอบหืดอยู่ หน้าตาและเนื้อตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเขม่าไฟเสื้อผ้าที่สวมก็ฉีกขาดและไหม้เกรียมหลายแห่งเหมือนคนที่ผ่านกองเพลิงมาใหม่ ๆ ประโยคแรกทีเดียวที่เขาเอ่ยด้วยเสียงกระหืดกระหอบราวกับคนที่จวนจะสิ้นใจก็คือ "ไมรา! " เกมสล็อตออนไลน์ ครั้นแล้วก็ล้มฮวบลงสิ้นสติสมปฤดีข้าพเจ้าตะโกนเรียก ร. อ. เรืองและพวกลูกหาบให้มาช่วยกันหามเขาไปที่แค้มป์ของเราเอาผ้าชุบน้ำลูบหน้าและให้จิบบรั่นดีอีกใหญ่ ๆ ในที่สุด ดร. สมิทก็ได้สติลืมตาอีกครั้ง "ไมรา! " เขาเรียกหาภรรยาอีก "แหม่มไมราเป็นอะไรไป" ข้าพเจ้าซัก "ทำไมคุณหมอจึงกลับมาแต่ลำพังคนเดียว? ถูกลีกอกับไลสงไปไหนเสีย? " สมิท "ไมราอยู่ในอันตรายถูกไลสงลักพาไปลำพังลีกอกับผมช่วยอะไรไม่ได้เราพากันติดตามไปหลายลูกเขา จนไลสงพาไมราเข้าไปในคูหาใหญ่เต็มไปด้วยกลิ่นกำมะถันและควันไฟหาเท่าไรก็ไม่พบจึงตกลงกันให้ลีกอคอยเฝ้าอยู่ปากถ้ำนั้น ผมเองกลับมาตามพวกเราไปช่วยกัน" ข้าพเจ้า "ทำไมไปกับคนนับร้อยและกลางวันแสก ๆ ถึงได้ปล่อยให้ไลสงจับมิสซิสสมิทไปได้? " สมิท "ใครจะบอกถูก!
ล่องไพร ภาค 2 ตอนที่ 51 เกมสล็อตออนไลน์ "ถามแกหน่อยที่หรือตาเกิ้น ว่าแกดูอะไร? และฟังอะไร? " ตาเกิ้น "ตาเกิ้นถามแล้ว พ่อเฒ่าว่าดูสิ่งที่ใคร ๆ ไม่เห็นฟังสิ่งที่ใคร ๆ ไม่ได้ยิน" ข้าพเจ้า "ก็อะไรล่ะ? พูดเป็นปริศนายังงั้นใครจะเข้าใจแก" ตาเกิ้น "พ่อเฒ่าว่าเมื่อพ่อเฒ่ามากับพ่อของพ่อเฒ่าคราวนั้นพักอยู่ในหุบเขาอำพันอย่างนี้เหมือนกันเห็นอย่างที่พ่อเฒ่าเห็นเวลานี้เหมือนกันได้ยินอย่างที่พ่อเฒ่าได้ยินเวลานี้เหมือนกัน" ข้าพเจ้า "ดีละ พูดสั้น ๆ หน่อยแกเห็นอะไร? ได้ยินอะไร? " เกมสล็อตออนไลน์ ตาเกิ้น "ไฟนรกที่จะเผาหุบเขาอำพันให้วอดวายไปในวันใดวันหนึ่ง" ข้าพเจ้า "เหลวไหล! " นาย "อันตราย" ข้าพเจ้า "ขอบใจ! " ตาเกิ้น "พ่อเฒ่าว่าอีกด้วยว่าลูกสาวของพ่อเฒ่าว่าตาเกิ้นอยู่ที่ไหนเขาอยู่ที่นั่น พ่อเฒ่ายืนยันว่าลูกสาวของพ่อเฒ่าอยู่ที่นั่นพ่อเฒ่าอยู่ด้วย" ข้าพเจ้า "เอาละ งั้นก็ขอให้แกพยายามบังคับอกบังคับใจสักหน่อย ผุดลุกผุดนั่งอย่างนั้นพลอยทำให้คนอื่นเสียขวัญไปด้วย" แม้จะแข็งใจกำชับออกไปอย่างนั้น ข้าพเจ้าก็รู้ดีว่าตนเองใจร้อนราวกับไฟ ไหนจะเป็นห่วง ดร.
ตาเกิ้น "สองคนที่เสือกัดตายเพียงแต่อ้ายนี่ถูกปลากิน" จากการสอบสวนของเราปรากฏว่าในห้วยตรงที่กะเหรี่ยงลูกหาบเคราะห์ร้ายลงไปอาบน้ำนั้นเป็นวังลึกและเต็มไปด้วยปลาเล็ก ๆ ชนิดหนึ่งลักษณะกึ่งฉลาดกึ่งปักเป้า ข้าพเจ้าคิดว่ากลิ่นคาวเลือดซึ่งเขาได้รับจากการถูกหินดำหรือหนามข่วนคงจะเรียกมันมาเป็นฝูง ขณะที่เขากำลังว่ายเพลินอยู่และกว่าจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งแข้งขาแขนและลำตัวก็เหลือแต่กระดูกอย่างที่เราตามไปพบเสียแล้ว ดร. สมิท พิจารณาดูปลาซึ่งเขายิงได้ด้วยปืนลูกกรดอย่างสนใจ ในที่สุดก็ส่ายหน้าหันไปพูดกับภรรยาว่า "นี่เป็นปลาอีกพันธุ์หนึ่งซึ่งฉันยังไม่เคยพบเห็นมาจากที่ไหนเลย ไมรา ดู ๆ ก็เหมือนจะเป็นปิรันยาในโอริโนโคแต่ดู ๆ ไปก็ไม่ใช่หางยาวไปครีบสีผิดกันตัวก็สั้นกว่า โอ, ไมเดียร์ ไมรา ปลานี่ร้ายกว่าปิรันยาไม่ถึง 5 นาทีคนเป็นกระดูกไป" ไมรา "ภัยที่เราผ่านมาจากดงผีดิบจะยังไม่หมดอีกหรือทอม? " สมิท "จะแปลกอะไรไมรา เมื่อเรามาถึงจุดหมายปลายทางแล้วทำงานไม่กี่เพลาเสร็จเราก็จะได้กลับสเต็ทส์ในฐานะนักสำรวจโลกผู้ยิ่งใหญ่ค้นพบชาติมนุษย์ที่ใคร ๆ เข้าใจว่าสูญสิ้นพันธุ์ไปจากโลก เผยความลึกลับของวิชาผลิตอำพันวิเศษที่ไม่มีใครรู้เราจะแสดงพันธุ์สัตว์พันธุ์แมลงพันธุ์ปลาที่ไม่มีใครคิดว่ามีอยู่ในปัจจุบันให้คนได้เห็นกัน" ตามที่ตกลงกันนั้นเราจะตั้งแค้มป์พักพวกเซียมิกับบรรดาลูกหาบทั้งหลายไว้ที่นั่นลีกอและไลสงจะเป็นผู้พาคณะเราไปดูการทำอำพันตามถ้ำซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร เสร็จแล้วก็จะกลับมาพักรวมกันแต่ครั้นถึงเวลาเข้าจริงปัญหาที่เกิดขึ้นอีก เมื่อลีกอยืนกรานว่าไมราสมิทนางพญาผิวขาวของพวกเขาและ ดร.
ล่องไพร ภาค 2 ตอนที่ 23 เกมสล็อตออนไลน์ ไมรา สมิท แสดงบทบาทนางพญาของหล่อนได้อย่างสนิทแนบเนียนอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่จะปล่อยชาวเขาอะสะลูทั้ง 10 ไป หล่อนให้คนพวกนั้นได้เห็นอภินิหารของลูกระเบิดมือเล็ก ๆ ซึ่งสามารถตัดกิ่งไม้และทำลายก้อนหินใหญ่น้อยแตกกระจัดกระจาย หล่อนให้เขาได้ยินเสียงจากสวรรค์และนรกโดยเครื่องอัดเทปเครื่องนั้น กิริยาท่าที่อันเต็มไปด้วยความองอาจและน้ำเสียงของหล่อนในการให้โอวาทเขาทำให้พวกเราแม้กระทั่ง ดร. สมิทผู้เป็นสามีต่างนิ่งอึ้งด้วยความอัศจรรย์ไปตาม ๆ กันและทันใดที่คนพวกนั้นลนลานลับตาไปเขาก็แสดงความรู้สึกของเขาออกมา "อย่าว่าแต่คนป่าพวกนี้เลย ถึงฉันเองก็เห็นเธอเป็นนางพญาผิวขาวของเขาไปแล้ว" ไมราหัวเราะ "จำเป็นเหลือเกินทอมที่ฉันจะต้องแสดงอย่างนั้นเพื่อความปลอดภัยร่วมกันของพวกเราต่อไป อะสะลูเป็นชาวเขาที่ดุร้ายไม่ต่างกว่าพวกนาคาจิรี แต่ได้เห็นฤทธิ์ของฉันเสียครั้งหนึ่งและเชื่อว่าฉันเป็นนางพญาผิวขาวของพวกนาคาเช่นนั้นบางทีเขาก็ไม่รบกวนเราอีกต่อไปไม่หัวดื้อหัวรั้นอย่างหัวหน้าพวกจิรีคนนั้น" ดร.
"ทำไมจะไม่เกี่ยวนาย เลือดแรด เนื้อแรด หนังแรด นอแรด แม้กระทั่งขี้แรด กินเข้าไปกะเหล้าแล้วทำให้ตาเกิ้นมีกำลัง ยายคนไหนบ้างจะชอบตาเกิ้นที่ไม่มีแรง? "
คุณหมอสมิทรี? " "ไม่ใช่" "แหม่มไมรา? " ตาเกิ้น "โนเซอร์" "งั้นก็ ร. เรือง" ข้าพเจ้าเดาเป็นครั้งสุดท้าย "นายอย่าทายดีกว่า ตาเกิ้นจักจี้ใจ? " "งั้นก็บอกมาเถอะว่า รางวัลนั้นน่ะอะไร? ใครเป็นผู้ให้" ตาเกิ้นยิ้มอย่างเอียงอายยกมือชี้ไปที่นางกะเหรี่ยงลูกสาวพ่อเฒ่าหัวหน้าบ้านเผโบมาซึ่งนั่งตาเป็นมันอยู่ที่โคนต้นไม้ข้างหลังพลางกระซิบเบา ๆ ว่า ยิงปลา "นั่นแหละนาย รางวัลเราตกลงกันเรียบร้อยแล้วมันยอมเป็นยายคนที่ 3 ของตาเกิ้นต่อไป.. " เสียงฟ้าร้องมาแต่ไกลอีกครั้ง เมมตั้งเค้ามาทางทิศตะวันตกแสงแดดที่สว่างอยู่เมื่อสักครู่ค่อยหายไปเพราะพยับฝนทุกคนหันไปดูซากของไลสงที่เหลืออยู่บนก้อนหินในแอ่งน้ำนั้นอย่างสมเพชเวทนา ต่อมาการเดินทางของขบวนน้อยของเราก็เริ่มต้นทุกคนเต็มไปด้วยความหดหูแต่ทุกคนก็นึกขอบคุณเทพยดาเบื้องบนที่ชีวิตของคนรอดมาได้จากอันตรายนานัปการเหล่านั้น อ่านเพิ่มเติมได้ที
อ. เรืองก็นอนก่ายหน้าผากคิดถึงอะไรอยู่ ยิ่งดึกก็ยิ่งรู้สึกอากาศเย็นขึ้นเป็นลำดับ แม้กระนั้นทั้งตาเกิ้นและข้าพเจ้าก็นอนไม่หลับ เมื่อคิดถึงหน้าที่และความรับผิดชอบของเรา ประมาณเที่ยงคืนเศษ ข้าพเจ้าได้ยินเสียงสุนัขเห่ากระโชกขึ้นที่หน้าที่พักของเรา 2-3 ครั้งแล้วก็เงียบไป ตาเกิ้นเอื้อมมือไปดับไต้ที่ปักอยู่กลางลานแล้วก็คลานไปที่ช่องหน้าต่างแคบ ๆ ชะเง้อมองออกไปยังบริเวณภายนอกซึ่งสว่างสลัวด้วยแสงจันทร์แรม สักครู่จึงหันกลับมาที่ข้าพเจ้ากระซิบเบา ๆ ว่า "เจ้าหนุ่มกับนางสาวนาคาคู่หนึ่งไปไหนมานะนาย บางทีคนนี้มันอาจจะไม่มาก็ได้" อ่านเพิ่มเติมได้ที
Epson L3150 สี เพี้ยน, 2024